มูลนิธิป้องกันอุบัติเหตุแห่งเอเชีย ผนึกภาคีเครือข่ายเดินหน้ารณรงค์ปฏิบัติการ “คอซอง ขาสั้น กันน็อค” ร่วมกับ 300 สถานศึกษาในกทม. เพื่อให้เห็นความสำคัญของการสวมหมวกกันน็อคเทียบเท่ากับการสวมชุดนักเรียน พร้อมเปิดตัวคู่มือ “เด็กไทย ซ้อนท้าย ใส่หมวก” เป็นต้นแบบศึกษาขั้นตอนและวิธีในการสวมหมวกกันน็อคที่ถูกต้อง ตั้งเป้าลดอัตราการเสียชีวิตของเด็กกว่า 2 พันคนในปี 2560
มูลนิธิป้องกันอุบัติเหตุแห่งเอเชีย ร่วมกับองค์การช่วยเหลือเด็ก เครือข่ายนักบิด นักปั่นอย่าง Bangkok Bicycle Campaign กลุ่มคนสร้างสรรค์อย่าง Big Trees และศิลปินชั้นนำของประเทศไทย ร่วมกันจัดงานปฏิบัติการ “คอซอง ขาสั้น กันน็อค” ในวันที่ 29 พฤษภาคม 2559 ที่พิพิธภัณฑ์เด็กกรุงเทพมหานคร เพื่อเดินหน้ารณรงค์ให้ครู นักเรียน และผู้ปกครองให้ความสำคัญกับความปลอดภัยบนท้องถนนด้วยการสร้างจิตสำนึกว่าการสวมหมวกนิรภัย คือหนึ่งในเครื่องแบบสำคัญที่จำเป็นต้องสวมไปโรงเรียน
โดยในวันดังกล่าวจะมีกิจกรรมมากมายให้เด็กๆ ได้ร่วมสนุก เช่นการร่วมแสดงละครเวทีกับคณะละครสื่อสร้างสรรค์ชื่อดังอย่างกลุ่มใบไม้ไหว การร่วมวาดเมืองจำลองพร้อมลวดลายหมวกกันน็อคบนผืนผ้าใบขนาดใหญ่กับกลุ่มศิลปินซึ่งนำโดย ชลิต นาคพะวัน และโรงเรียนสอนศิลปะ Chalit Art Project and Gallery
ที่สำคัญจะมีการเปิดตัวคู่มือ “เด็กไทย ซ้อนท้าย ใส่หมวก” เพื่อให้ผู้ปกครอง และเด็กๆ ที่มาร่วมงานได้เรียนรู้เรื่องการสวมหมวกนิรภัย พร้อมกับมีการมอบคู่มือให้กับตัวแทนจาก กรุงเทพมหานคร และกระทรวงศึกษาธิการอีกด้วย โดยในคู่มือจะบอกเล่าถึงขั้นตอนพร้อมตัวอย่างเกมการทดลองต่างๆมากมายที่สอดแทรกความรู้เรื่องการสวมหมวกนิรภัยที่ถูกต้องผ่านการใช้ภาพการ์ตูนที่เด็กๆ เข้าถึงและเข้าใจง่าย โดยหลังจากนี้ก็จะมีการนำคู่มือดังกล่าวไปมอบให้กับ 300 โรงเรียนที่เข้าร่วมโครงการเพื่อเป็นสื่อในการเรียนการสอนให้กับเด็กๆ ต่อไปด้วย
นางรัตนวดี เหมนิธิ วินเธอร์ ประธานกรรมการ มูลนิธิป้องกันอุบัติภัยแห่งเอเชีย ระบุว่า สืบเนืองจากมูลนิธิป้องกันอุบัติเหตุแห่งเอเชีย ร่วมกับ องค์การช่วยเหลือเด็ก และภาคีเครือข่าย ได้จัดทำโครงการฮีโร่หมวกกันน็อค ภายใต้โครงการ The 7% Project เมื่อปีที่ผ่านมา เพื่อลดอัตราการเสียชีวิตในเด็กนักเรียนในกรณีที่ไม่สวมหมวกนิรภัย โดยมีโรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานครที่เข้าร่วมนำร่อง 6 โรงเรียน และจากผลการดำเนินโครงการถือว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก สามารถเพิ่มอัตราการสวมหมวกนิรภัยของเด็กนักเรียนในโรงเรียนที่เข้าร่วมโครงการได้มากถึง 3 เท่า และในปีนี้จึงได้เตรียมขยายผลไปสู่ 300 โรงเรียน ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ภายใต้โครงการปฏิบัติการ “คอซอง ขาสั้น กันน็อค” โดยจะรณรงค์ให้ผู้ปกครองให้ความสำคัญกับการสวมหมวกนิรภัยให้เด็ก เสมือนเป็นหนึ่งในเครื่องแบบของชุดนักเรียนที่เด็กๆ จะต้องสวมใส่ในทุกๆ วัน
นางรัตนวดี กล่าวเพิ่มเติมว่า การดำเนินการโครงการของมูลนิธิป้องกันอุบัติภัยแห่งเอเชีย ไม่ใช่เฉพาะกรุงเทพฯ เท่านั้นที่ประสบความสำเร็จ แต่ยังมีอีกหลายพื้นที่ ที่เราได้จัดทำโครงการและประสบความสำเร็จมาก อาทิ จังหวัดสงขลา และจังหวัดอุดรธานี โดยเฉพาะในจังหวัดอุดรธานี สามารถเพิ่มอัตราการสวมหมวกนิรภัยของเด็กนักเรียน จาก 0 ให้กลายเป็น 100 เปอร์เซ็นต์ได้ ในโรงเรียนที่เข้าร่วมโครงการ ดังนั้นจึงอยากให้ทุกภาคส่วนร่วมมือมือกัน ไม่ว่าจะเป็นครอบครัว หรือโรงเรียนเอง ควรให้ความสำคัญกับการสวมหมวกนิรภัย เหมือนกับการที่เราเลือกของที่ดีและปลอดภัยที่สุดให้กับลูก