“กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา” ร่วมกับ “การกีฬาแห่งประเทศไทย” ผนึกกำลังหน่วยงานภาครัฐ-เอกชน แถลงความร่วมมือครั้งใหญ่ของวงการมอเตอร์สปอร์ต พร้อมระเบิดกิจกรรมสุดยิ่งใหญ่ “SAT Presents Road to PTT Thailand Grand Prix 2019” ปลุกกระแสศึกโมโตจีพี รายการ พีทีที ไทยแลนด์ กรังด์ปรีซ์ 2019 พร้อมเผยความยิ่งใหญ่ของกิจกรรมในปีนี้ ประกาศยกระดับมาตรฐานการจัดงาน แบบรอบด้าน เพื่อรักษา“กรังด์ปรีซ์”เบอร์หนึ่งของโลกให้อยู่กับเมืองไทยต่อไป
กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ร่วมกับ การกีฬาแห่งประเทศไทย และผู้สนับสนุนหลักอย่าง บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ พีทีทีโออาร์, บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน), บริษัท เอ.พี.ฮอนด้า จำกัด, บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด, กรมการขนส่งทางบก และสนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต ได้จัดงานแถลงข่าวความคืบหน้าความพร้อมของการจัดการแข่งขัน รวมถึงรายละเอียดความยิ่งใหญ่ของกิจกรรมต่างๆ ของ พีทีที ไทยแลนด์ กรังด์ปรีซ์ 2019 และสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ที่เตรียมไว้รองรับแฟนความเร็วจากทั่วโลก
นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า“การเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันโมโตจีพีในปีแรก แสดงให้เห็นถึงศักยภาพที่เต็มเปี่ยมของประเทศไทยในด้านมอเตอร์สปอร์ต กีฬาและการท่องเที่ยว เป็นการประกาศว่าไทยนั้นมีความแข็งแกร่งอย่างมาก โดยมียอดผู้เข้าชมทั้งหมด 222,535 คน ซึ่งสูงที่สุดเมื่อเทียบกับตัวเลขผู้ชมทั้งหมด 19 สนามจากทั่วโลก ขณะเดียวกันจากผลสำรวจของกองยุทธศาสตร์และแผนงานกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาในปีแรก มีนักท่องเที่ยวต่างชาติถึงประมาณ 20 เปอร์เซ็นต์และมีมูลค่าทางเศรษฐกิจเป็นรายได้หมุนเวียนในประเทศกว่า 3,053 ล้านบาท ทั้งในส่วนจังหวัดบุรีรัมย์และจังหวัดใกล้เคียงในงานตลอด 3 วัน”
“กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ขอยืนยันว่ารัฐบาลให้ความสำคัญกับการเป็นเจ้าภาพโมโตจีพีของประเทศไทยอย่างมาก และพร้อมที่จะสนับสนุนอย่างเต็มรูปแบบเพื่อให้การจัดการแข่งขันดำเนินไปอย่างราบรื่น ทั้งในและนอกสนามแข่ง ซึ่งถือเป็นการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีของประเทศไทยในสายตาชาวโลก สำหรับการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันในครั้งนี้ เพื่อรักษาความเป็นกรังด์ปรีซ์อันดับหนึ่งของโลกให้อยู่กับประเทศไทยต่อไป”
ขณะที่ ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ตอกย้ำความมุ่งมั่นของภาครัฐว่า “การกีฬาแห่งประเทศไทยพร้อมเดินหน้าสานต่อความสำเร็จนี้ กับการเป็นกรังด์ปรีซ์ อันดับหนึ่งของโลก มีผู้ชมมากที่สุดในปฏิทินของโมโตจีพี โดยถูกยกย่องว่าเป็นสนามที่มีการขับเคี่ยวที่สนุกและเร้าใจมากที่สุดสนามหนึ่งที่ตัดสินแชมป์กันจนถึงโค้งสุดท้าย ซึ่งเป็นผลดีต่อการประชาสัมพันธ์ประเทศไทยไปยังผู้ชมที่ติดตามอยู่ทั่วโลกผ่านการถ่ายทอดสด 207 ประเทศ ผู้ชมกว่า 800 ล้านคน”
“ในโอกาสที่การกีฬาแห่งประเทศไทย ได้จัดให้มีงานแถลงข่าวและการจัดกิจกรรมไลฟ์ปาร์ตี้ “SAT Presents Road to PTT Thailand Grand Prix 2019” กิจกรรมปลุกกระแสโมโตจีพีครั้งสำคัญโดยเปิดให้แฟนความเร็วร่วมแสดงพลังและร่วมลุ้นนักแข่งที่ตัวเองชื่นชอบกับการแข่งขันโมโตจีพี สนามที่ 11 สปิลเบิร์ก ประเทศออสเตรีย ประสบความสำเร็จอย่างดีเยี่ยมได้รับความสนใจจากแฟนโมโตจีพีและกองทัพสื่อมวลชนตบเท้าเข้าร่วมงานมากกว่า 600 คน โดยมีศิลปินดาราและเซเลบริตี้ชื่อดังร่วมงานอาทิ ปีเตอร์ คอร์ป ไดเรนดัล, แอนนี่ ปริศนา,ทัพนักบิดชื่อดังของไทย และเหล่านักบิดสาว Power Girls นำทัพโดย “ตาล” รัชฎา นาคเจริญศรี เหล่านี้เอง เป็นสัญญาณว่าโมโตจีพีในประเทศไทยครั้งนี้ต้องดียิ่งขึ้น ยิ่งใหญ่ขึ้นและได้รับความสนใจจากแฟนความเร็วมากยิ่งขึ้นอย่างแน่นอน”
ด้าน นายสุชาติ ระมาศ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่การตลาดขายปลีก บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “สำหรับการจัดงาน MotoGP 2019 ภายใต้ชื่อรายการ PTT Thailand Grand Prix 2019 ที่กำลังจะเกิดขึ้นนี้ OR หนึ่งในบริษัท Flagship ของ ปตท. ได้สนับสนุนการจัดงานต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 และยังคงเตรียมกิจกรรมสำหรับแฟนๆ MotoGP แบบจัดเต็มเช่นเดิม ไม่ว่าจะเป็น จุดแวะพักในสถานีบริการน้ำมัน PTT Station บนเส้นทางหลักที่มุ่งสู่สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนลเซอร์กิต จังหวัดบุรีรัมย์ จะตกแต่งสถานที่ให้เข้ากับบรรยากาศของ MotoGP เพื่อต้อนรับแฟน ๆ MotoGP 2019 ที่เดินทางมาร่วมงานทุกท่าน ในส่วนของบูธ PTT Motorsport จะมีกิจกรรมให้ร่วมสนุก และลุ้นรับของที่ระลึก Limited edition พร้อมโชว์สุดพิเศษจาก PTT Motorsport และเรายังจัดเตรียม OR Pavilion ที่จัดขึ้นเพื่อต้อนรับสื่อมวลชนและลูกค้า PTT Blue Card สามารถเข้ามาพักผ่อน เติมความสดชื่น พร้อมบูธจัดแสดงและจำหน่ายผลิตภัณฑ์น้ำมันหล่อลื่น PTT Lubricants ในราคาพิเศษ นอกจากนี้รอบ ๆ งานยังมีจุดจำหน่ายเครื่องดื่ม Café Amazon ให้บริการ และยังมี OR Camp ซึ่งเป็น Tent ที่พักเพื่อรองรับชาว PTT Blue Card และแฟนมอเตอร์สปอร์ตที่มาร่วมชมงานอีกด้วย
OR คาดหวังว่าจากความสำเร็จของการจัดงาน PTT Thailand Grand Prix 2018 ในปีที่ผ่านมา ที่คนไทยได้แสดงศักยภาพให้เป็นที่ประจักษ์สู่สายตาชาวโลก ในปีนี้ PTT Thailand Grand Prix 2019 จะเป็นอีกหนึ่งเหตุการณ์บนหน้าประวัติศาสตร์ของพวกเราคนไทยและชาวโลก ที่ถือได้ว่าเป็น “Pride of Thailand” อีกครั้ง แล้วพบกัน ที่ PTT Thailand Grand Prix 2019 ที่ จังหวัดบุรีรัมย์ ครับ
นายโรจนสิทธิ์ มีนิจสิน รองผู้อำนวยการโครงการไทยเบฟ ไทยทาเล้นท์ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) โดยเครื่องดื่มตราช้าง กล่าวว่า “นี่คืออีกครั้งที่คนไทยจะได้ออกมาแสดงพลังของความคลั่งไคล้ในกีฬามอเตอร์สปอร์ต ให้ทั่วโลกได้เห็นว่าแฟนๆ ชาวไทยก็ตื่นตัวกับ โมโตจีพี ไม่แพ้ชาติอื่นๆ โดยนอกจากการแข่งขันที่เข้มข้นของนักบิดชื่อดังของโลกแล้ว เครื่องดื่มตราช้าง ยังเตรียมกิจกรรมบันเทิงเต็มรูปแบบไว้รองรับแฟนๆ จากทั่วโลก โดยไฮไลต์อยู่ที่มหกรรมคอนเสิร์ต ช้าง มิวสิค คอนเน็คชั่น พบกับศิลปินชื่อดัง อย่าง โปเตโต้, วงมายด์ และ ฟักกลิ้ง ฮีโร่ รวมทั้งศึกยอดมวยไทย นายขนมต้ม ศิลปะการต่อสู้ของไทยอันโด่งดังไปทั่วโลก ด้วยคู่มวยที่ดีที่สุดมาให้ได้ชมกันถึง สนามช้างฯ เพื่อมอบความสุขที่สมบูรณ์แบบให้กับทุกคนในสุดสัปดาห์ของ พีทีที ไทยแลนด์ กรังด์ปรีซ์ 2019”
นาย ยงยุทธ นาคแดง ผู้อำนวยการสำนักมาตรฐานงานทะเบียนและภาษีรถ กรมการขนส่งทางบก กล่าวว่า “ทางกรมการขนส่งทางบกนั้นมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งใน Event ประวัติศาสตร์ แบบนี้ในประเทศไทย เพราะนอกจากการจัดการแข่งขันแล้วยังช่วยส่งเสริมในหลายๆ ด้าน ทางกรมฯ เองก็ยังได้จัดกิจกรรมดี ๆให้กับกลุ่มแฟนๆ มอเตอร์สปอร์ต อีกด้วย ทั้งการรณรงค์เรื่องความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน ตั้งแต่ปีที่ผ่านมาจนถึงปีนี้ การทำโฆษณา โดยใช้การแข่งขันโมโตจีพีเป็นแรงบันดาลใจให้กับกลุ่มเป้าหมายที่ชื่นชอบการขับขี่รถจักรยานยนต์ และยังจัดทำแคมเปญ “ความเร็วใช้ในสนามแข่งเท่านั้น” เพื่อเน้นย้ำกับกลุ่มผู้เดินทางที่ใช้รถใช้ถนนให้ใช้ความเร็วให้ถูกสถานที่ เพราะการใช้ความเร็วบนท้องถนนอาจทำให้เกิดอันตรายกับตัวผู้ขับหรืออาจเกิดกับเพื่อนร่วมเดินทางบนท้องถนนได้
นายธรินทร์ ธนียวัน กรรมการผู้จัดการใหญ่ แกร็บ แท็กซี่ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “แกร็บ รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนการจัดการแข่งขันโมโตจีพีต่อเนื่องเป็นปีที่สองโดยในปีที่ผ่านมาเทคโนโลยีการเรียกรถผ่านแอปพลิเคชันของเราสามารถตอบสนองความต้องการของนักท่องเที่ยวและผู้ที่เข้าชมงานได้เป็นอย่างดีจนทำให้จังหวัดบุรีรัมย์กลายเป็นต้นแบบในการนำร่องระบบขนส่งอัจฉริยะให้กับจังหวัดอื่นๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ถือเป็นการตอกย้ำพันธกิจของแกร็บในการมุ่งยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คนด้วยการนำเสนอทางเลือกของการเดินทางที่ปลอดภัยและสะดวกสบายโดยเชื่อมต่อกับการคมนาคมขนส่งในรูปแบบอื่นๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งยังมีส่วนช่วยในการสร้างรายได้ที่เพิ่มขึ้นให้กับประชาชนในจังหวัดบุรีรัมย์พร้อมกระตุ้นเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวซึ่งสอดคล้องกับยุทธศาสตร์การสร้างเมืองอัจฉริยะ (Smart City) และวิสัยทัศน์บุรีรัมย์โมเดลของจังหวัดด้วย”
“สำหรับในปีนี้ เราได้เตรียมประสานกับพาร์ทเนอร์ผู้ขับขี่ ทั้งรถยนต์และมอเตอร์ไซค์ ในจังหวัดบุรีรัมย์และจังหวัดใกล้เคียงเพื่อรองรับความต้องการการเดินทางของนักท่องเที่ยวและผู้ที่จะไปเยือนจังหวัดบุรีรัมย์ในช่วงการจัดงานระหว่างวันที่ 4 – 6 ตุลาคม ทั้งยังได้นำข้อมูลและเสียงตอบรับจากผู้ใช้ในปีที่แล้วมาใช้เพื่อปรับปรุงคุณภาพการให้บริการให้ดียิ่งขึ้น พร้อมร่วมมือกับทางจังหวัดบุรีรัมย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการจัดจุดจอดรับในบริเวณสนาม การจัดระบบรับคิวของผู้ขับขี่ พร้อมช่วยประชาสัมพันธ์ข้อมูลการเดินทางให้แก่นักท่องเที่ยวผ่านสื่อต่างๆ”
นายตนัยศิริ ชาญวิทยารมณ์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด อินเตอร์เนชั่นแนลเซอร์กิต จำกัด กล่าวว่า “สำหรับการจัดงานในปีนี้มาตรฐานต่างๆ ต้องสูงขึ้น เราได้อำนวยความสะดวกด้วยการเพิ่มจุดจอดรถยนต์รอบเมืองบุรีรัมย์ สามารถรับรองรถยนต์ได้ กว่า 15,000 คัน และยังมีจุดบริการจอดจักรยานยนต์ ทั้งในและนอกสนามแข่งขันได้มากถึงกว่า 25,000 คัน ที่สิ่งสำคัญที่สุด ในปีนี้ทางคณะผู้จัดการแข่งขัน ได้เปลี่ยนแปลงรูปแบบไซด์แสตนด์ ทุกจุดของสนามให้เป็นรูปแบบใหม่ทั้งหมด ทำการติดตั้งให้นั่งสบายยิ่งขึ้นและเสริมความปลอดภัยให้โซนที่นั่งชมทุกจุด”
“เราเดินหน้าทำงานอย่างเต็มที่ ในการติดตั้งอัฒจันทร์ใหม่ให้สมบูรณ์ร้อยเปอร์เซ็นต์ เพื่อให้พร้อมที่สุด และแข็งแรงที่สุด อีกทั้งยังเพิ่มห้องน้ำ เพิ่มจุดบริการอาหารทั่วบริเวณลานกิจกรรม และรอบไซด์สแตนด์ เพื่อการรองรับผู้ชมทั้งไทยและชาวต่างชาติให้ทั่วถึงที่สุด”
แฟนความเร็วสามารถซื้อบัตรเข้าชมได้ในส่วนของไซด์สแตนด์ รวมถึงโซนเชียร์นักบิดอย่าง วาเลนติโน รอสซี่ และ มาร์ค มาร์เกซ สองดาวดังของโมโตจีพี ซึ่งยังมีเหลืออีกไม่มาก ผ่านทาง เคาน์เตอร์เซอร์วิส ออลล์ทิคเก็ต ในร้านเซเว่นอีเลฟเว่น และร้านค้าที่มีสัญลักษณ์เคาน์เตอร์เซอร์วิส กว่า 12,000 สาขาทั่วประเทศ รวมถึงช่องทางออนไลน์ที่ www.allticket.com