รอยัล เอนฟิลด์ เผยโฉม เมทธีออร์ 350 (Meteor 350) รถมอเตอร์ไซค์ครุซเซอร์พันธุ์แท้ชั้นแนวหน้า
มอบประสบการณ์ในการขับขี่ที่เหนือชั้นเพื่อการเดินทางระยะไกลและขับขี่ในเมือง เครื่องยนต์และแชสซีคิดค้นขึ้นมาใหม่ พร้อมให้ขับขี่ได้อย่างมั่นใจ
เมทธีออร์ 350 มาพร้อมระบบนำทาง รอยัล เอนฟิลด์ ทริปเปอร์ แบบ Turn-By-Turn ที่จะบอกทิศทางแบบเรียลไทม์โดยเชื่อมต่อกับ Google Maps
มีให้เลือก 7 สี จาก 3 รุ่น ได้แก่ ไฟร์บอลล์ (Fireball) สเตลลาร์ (Stellar) และซูเปอร์โนวา (Supernova)
สามารถจองได้แล้ววันนี้ที่ตัวแทนจำหน่ายรอยัล เอนฟิลด์ ใกล้บ้านท่าน
กรุงเทพฯ – 18 พฤศจิกายน 2563 – รอยัล เอนฟิลด์ ผู้นำตลาดรถมอเตอร์ไซค์ขนาดกลางระดับโลก (250 – 750 ซีซี) เปิดตัวรถมอเตอร์ไซค์รุ่นใหม่ รอยัล เอนฟิลด์ เมทธีออร์ 350 (Meteor 350)
เมทธีออร์ 350 เป็นมอเตอร์ไซค์รุ่นใหม่ที่เข้ามาเสริมทัพมอเตอร์ไซค์แบบครุซเซอร์ที่นักขับขี่ชื่นชอบ ก่อนหน้านี้ ในช่วงปี 90 รอยัล เอนฟิลด์ได้เปิดตัวรถมอเตอร์ไซค์เพื่อการขับขี่ระยะไกลรุ่นแรกในประเทศอินเดีย อย่าง ซิตี้ไบค์ (Citybike) และไลท์นิ่ง (Lightning) ก่อนจะตามมาด้วยรุ่นธันเดอร์เบิร์ด (Thunderbird) เจเนอเรชั่นแรกในปี 2545 จากนั้นในปี 2551 ทางแบรนด์ได้เปิดตัว ธันเดอร์เบิร์ด UCE Twin-Spark และตามมาด้วยรุ่น ธันเดอร์เบิร์ด เอ็กซ์ (Thunderbird X) ในปี 2561 ซึ่งเป็นรถที่ทำให้ตลาดรถสไตล์ครุซเซอร์เป็นที่นิยมมากขึ้นและยังขยายตลาดกลุ่มมอเตอร์ไซค์เพื่อการขับขี่ระยะไกลของประเทศอินเดีย ซึ่งให้ความสบายขณะขับขี่ พร้อมสไตล์ที่มีเสน่ห์ แฝงไปด้วยกลิ่นอายของความร่วมสมัย ด้วยการสานต่อแนวคิดของรถเพื่อการขับขี่ท่องเที่ยวระยะไกล โดยรอยัล เอนฟิลด์
เมทธีออร์ 350 จึงครบครันไปด้วยสมรรถนะที่พร้อมสำหรับการออกเดินทางที่ไกลขึ้นไปอีก
เมทธีออร์ 350 เป็นชื่อที่ส่งต่อมาจากรถในยุค 50 ที่โดดเด่นของรอยัล เอนฟิลด์ ‘เมทธีออร์ (Meteor)’ ที่เปิดตัวในช่วงปลายปี 2495 เป็นมอเตอร์ไซค์เพื่อการขับขี่ท่องเที่ยวที่มีรูปลักษณ์สง่างาม และมีชื่อเสียงมาอย่างยาวนาน สู่การนำมาพัฒนาใหม่เป็น เมทธีออร์ 350 เพื่อการขับขี่ที่ง่ายดาย บ่งบอกถึงสไตล์ที่เป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ ขณะเดียวกันก็ยังคงองค์ประกอบดั้งเดิมในหลายส่วนไว้ ออกแบบผสมผสานอย่างลงตัวเพื่อให้มีความโดดเด่นในเจเนอเรชั่นนี้
มร. สิทธัตถะ ลาล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไอเชอร์ มอเตอร์ส ลิมิเต็ด บริษัทแม่ของรอยัล เอนฟิลด์ กล่าวว่า
“เมทธีออร์ 350 ได้รับการพัฒนาและปรับปรุงมาอย่างเป็นเลิศ ให้ความสบายขณะขับขี่และเข้าถึงได้ รถรุ่นนี้เป็นการผสมผสานอย่างมีเสน่ห์ของสไตล์การขับขี่ของมอเตอร์ไซค์คลาสสิกที่มาพร้อมสมรรถนะที่ทันสมัย เราต้องการผลิตมอเตอร์ไซค์รุ่นใหม่ที่สร้างประสบการณ์การขับขี่แบบท่องเที่ยวได้อย่างยอดเยี่ยม แม้แต่ในหมู่นักขับขี่ที่มากประสบการณ์ เมทธีออร์ 350 คือความสมบูรณ์แบบ ที่ได้มีการนำหลักการทางสรีรวิทยามาช่วยในการออกแบบให้ขับขี่ได้ง่ายและสบาย ขับขี่ได้สนุก ทั้งบนถนนไฮเวย์ระยะไกล อีกทั้งยังเหมาะกับการขับขี่ในเมือง ตัวรถมีความมั่นคง มือจับคันเร่งที่บิดง่ายและระบบเบรกที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นจะทำให้คุณได้รับประสบการณ์แบบที่ไม่เคยมีมาก่อน เมทธีออร์ยังมาพร้อม รอยัล เอนฟิลด์ ทริปเปอร์ (Royal Enfield Tripper) ซึ่งเป็นหน้าจอนำทางแบบ turn-by-turn ที่ใช้งานได้สะดวก เราได้ใช้เวลาคิดค้นและทดลองไปกับการพัฒนาระบบนำทางด้วยตัวเองซึ่งเรียบง่ายและฉลาด ผ่านการผนวกเข้ากับระบบ Google Maps ที่จะช่วยให้นักขับขี่ตัดสินใจได้อย่างถูกต้องบนท้องถนนผ่านการแจ้งข้อมูลที่จำเป็น ขณะที่การแสดงผลจะไม่สร้างการรบกวนขณะเดินทาง ทำให้รอยัล เอนฟิลด์ ทริปเปอร์ เป็นระบบนำทางสำหรับรถมอเตอร์ไซค์ที่ดีที่สุด ทั้งนี้ เมทธีออร์ 350 เป็นรถที่มีสมรรถนะรอบด้าน ได้รับการพัฒนามาอย่างเหนือชั้น และเราก็มั่นใจว่า เมทธีออร์ 350 จะปลุกกระแสความนิยมในการขับขี่เพื่อการท่องเที่ยวได้อย่างแน่นอน”
เมทธีออร์ 350 ได้รับการออกแบบจากทีมดีไซเนอร์ และพัฒนาขึ้นโดยทีมวิศวกรรมเครื่องยนต์ผู้เชี่ยวชาญที่ศูนย์เทคโนโลยีอันล้ำสมัยทั้งสองแห่งของรอยัล เอนฟิลด์ในเมืองเชนไน รัฐทมิฬนาฑู ประเทศอินเดีย และเมือง
บรันติงธอร์ป สหราชอาณาจักร ทำให้ปฏิเสธไม่ได้ว่ารถรุ่นนี้ เป็นมอเตอร์ไซค์ที่มีเอกลักษณ์น่าดึงดูด การปรับโฉมในครั้งนี้ ทั้งในแง่ของเครื่องยนต์ การประกอบที่เข้ากันได้อย่างกลมกลืน ทำให้รถรุ่นนี้มีความทันสมัย ยกระดับขึ้นสู่
ท็อปคลาสได้อย่างแท้จริง ด้วยระบบระบายความร้อนด้วยอากาศ (Air-Oil Cooled) กระบอกสูบเดี่ยว ขนาด 349 ซีซี ทำให้เมทธีออร์สามารถสร้างขุมพลังสูงสุด 20.2 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 27 นิวตันเมตร ที่ 4000 รอบต่อนาที ทำให้เกิดเสียงที่เป็นเอกลักษณ์ของรถมอเตอร์ไซค์ครุซเซอร์ บาลานเซอร์ชาร์ปออกแบบใหม่ ช่วยให้รู้สึกขับขี่ได้อย่างนุ่มนวล ระบบจ่ายน้ำมันแบบไฟฟ้ามีผลต่ออัตราการตอบสนองของคันเร่งที่ดีขึ้น ในแง่ของสมรรถนะที่รอบด้าน เครื่องยนต์ใหม่มีเกียร์ 5 สปีด โดยที่เกียร์ 5 จะทำหน้าที่ Overdrive ให้ขับขี่ได้อย่างไร้กังวล และช่วยประหยัดน้ำมันเมื่อเดินทางระยะไกล ยังมาพร้อมแผ่นเหล็กคลัทช์ 7 ชั้นที่ช่วยให้เปลี่ยนเกียร์ง่ายขึ้นท่ามกลางการจราจรที่หนาแน่น
แชสซีแบบ Twin Downtube Spin Frame ของเมทธีออร์ 350 ออกแบบให้เกิดความมั่นใจในการขับขี่บนทางคดเคี้ยว และแข็งแรงดุจหินขณะขับขี่ในระยะไกล แต่ก็ควบคุมได้อย่างง่ายดายบนถนนในเมืองที่วุ่นวาย เบาะนั่ง และศูนย์ถ่วงที่ลดความสูงลง ประกอบกับความแข็งแรงของตัวรถ ทำให้เกิดสภาพที่เหมาะสมสำหรับทั้งนักขับขี่ในเมือง และผู้แสวงหาการผจญภัยบนเส้นทางระยะไกล ระบบกันสั่นสะเทือนหน้าแบบเทเลสโคปิกขนาด 41 มม. พร้อมระยะยุบ 130 มม. และโช้คคู่ปรับระดับได้ 6 ระดับและปรับพรีโหลดได้ช่วยให้วางมือได้อย่างกระชับและนุ่มสบาย และเพื่อให้เกิดประสบการณ์ในการขับขี่ท่องเที่ยวที่สมบูรณ์แบบ จึงได้มีการออกแบบที่พักเท้าให้เยื้องไปด้านหน้าเพื่อให้การขับขี่สบายมากขึ้นตามหลักสรีรศาสตร์
หน้าจอที่ผสานระบบนำทางแบบ TBT (Turn-By-Turn) เปิดตัวพร้อมให้ไรเดอร์ได้ใช้งานครั้งแรกกับรุ่นเมทธีออร์ 350 หรือมีชื่อเรียกว่า รอยัล เอนฟิลด์ ทริปเปอร์ (Royal Enfield Tripper) เป็นเครื่องมือแสดงผลการนำทางที่มีความแม่นยำสูง แสดงผลได้แบบเรียลไทม์ โดยนำเทคโนโลยี Google Maps มาใช้ ทริปเปอร์จะแสดงเส้นทางไปยังจุดหมายปลายทางสำหรับมอเตอร์ไซค์ที่ดีที่สุด ซึ่งนับเป็นนวัตกรรมแรกของรถมอเตอร์ไซค์จากประเทศอินเดีย นอกจากนี้
ทริปเปอร์ยังสามารถใช้งานได้ง่าย เพียงจับคู่กับแอปพลิเคชั่น Royal Enfield เข้ากับโทรศัพท์มือถือของผู้ขับขี่ ก็จะให้ข้อมูลที่ต้องการได้อย่างชัดเจนและมีประสิทธิภาพ และไม่แสดงผลที่รบกวนสายตาขณะขับขี่
รอยัล เอนฟิลด์ เมทธีออร์ 350 พร้อมจำหน่ายใน 3 รุ่น ประกอบด้วย ไฟร์บอลล์ (Fireball) สเตลลาร์ (Stellar) และซูเปอร์โนวา (Supernova)
● เมทธีออร์ 350 รุ่นไฟร์บอลล์ มีให้เลือกทั้งสีแดงและสีเหลือง มาพร้อมกับล้อสีดำและขอบล้อสีเดียวกับตัวรถ ตัดกับสีดำเข้มของเครื่องยนต์และส่วนอื่นๆ ของตัวรถ
● เมทธีออร์ 350 รุ่นสเตลลาร์ มีให้เลือกทั้งสีแดงร่วมสมัย สีน้ำเงิน และสีดำด้าน รับกับส่วนประกอบต่างๆ ของตัวรถได้อย่างพอดี แฮนด์มือจับแบบ Chrome มีที่พักหลังที่ให้ความรู้สึกสบายสำหรับที่นั่งซ้อนท้าย
● สำหรับรุ่นท็อปอย่าง เมทธีออร์ 350 ซูเปอร์โนวา มีให้เลือก 2 สี คือสีน้ำตาลและสีฟ้าทูโทน เข้ากับรูปลักษณ์แบบพรีเมี่ยมของตัวรถได้เป็นอย่างดี มีรายละเอียดมากขึ้นที่ชุดล้อ พร้อมเบาะนั่งแบบพรีเมี่ยมพิเศษ
เมทธีออร์ 350 ทุกรุ่น ใช้ล้ออัลลอยและยางแบบไม่มียางใน (Tubeless) ตามมาตรฐาน ให้นักขับขี่ได้รับความสะดวกสบาย โดยเฉพาะเมื่อต้องขับขี่บนเส้นทางที่มีระยะไกล ความสบายที่เพิ่มขึ้นและรูปทรงของรถเพื่อการขับขี่ท่องเที่ยวขนานแท้ เกิดจากการใช้ชุดล้อหน้า 100/90 – 19 และชุดล้อหลัง 140/70 – 17 ระบบเบรกที่มีความปลอดภัยสูง ABS (Anti-Lock Braking System) แบบ Dual Channel ทั้งล้อหน้าและล้อหลัง เบรกหน้าจานดิสก์ขนาด 300 มม. และเบรกหลังจานดิสก์ขนาด 270 มม.
ชุดไฟหน้าและไฟหลังของเมทธีออร์ 350 เป็นแบบ LED เพื่อให้เกิดความคมชัด ทันสมัย และมีประสิทธิภาพ ใช้หลอดไฟฮาโลเจนที่ให้ลุคสุดคลาสสิก ปุ่มบนแฮนด์เดิ้ลบาร์ที่เรียบง่ายแต่ดูพรีเมี่ยม พร้อมสวิทช์แบบโรตารี่ให้ความรู้สึกคลาสสิกตามสไตล์รอยัล เอนฟิลด์
เมทธีออร์ 350 ทั้ง 3 รุ่น มาพร้อมแผงหน้าปัดแบบใหม่ที่ใช้เข็มวัดความเร็วอนาล็อก ‘Dancing needle’ ให้ความสง่างามเหนือกาลเวลา ที่เข้ากับการใช้งานหน้าจอ LCD ที่แสดงข้อมูลสำคัญ เช่น ระดับเกียร์ ที่วัดน้ำมัน นาฬิกา
และเลขวัดระยะทาง นอกจากนี้ ยังมีช่องเสียบสาย USB ที่ซ่อนอยู่ใต้แฮนด์เดิ้ลบาร์ ให้คุณชาร์จไฟได้ง่ายขณะขับขี่
มร. วิมัล ซุมบ์ลี หัวหน้าฝ่ายธุรกิจประจำภาคพื้นเอเชียแปซิฟิก รอยัล เอนฟิลด์ กล่าวว่า “มอเตอร์ไซค์ของ
รอยัล เอนฟิลด์ ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีในประเทศไทยตั้งแต่เริ่มเปิดตัว ประเทศไทยนับว่าเป็นบ้านหลังที่สามรองจากสหราชอาณาจักรที่เป็นจุดกำเนิดแบรนด์ และฐานการผลิตใหญ่ในประเทศอินเดีย รอยัล เอนฟิลด์ เมทธีออร์ 350 เป็นหนึ่งในมอเตอร์ไซค์รุ่นล่าสุดที่พัฒนามาจากความสำเร็จครั้งใหญ่ในรุ่นทวิน 650 ที่เปิดตัวเมื่อ 2 ปีก่อน
เมทธีออร์ 350 เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์บริษัทที่ตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้นของการขับขี่เพื่อการพักผ่อนของกลุ่มรถมอเตอร์ไซค์ขนาดกลาง เราทราบดีว่านักขับขี่ในประเทศไทยมีความพึงพอใจกับรอยัล เอนฟิลด์รุ่นทวิน 650
ซึ่งในตอนนี้ รอยัล เอนฟิลด์ก็รู้สึกตื่นเต้นที่จะนำความสำเร็จนั้นมาสู่เมทธีออร์ 350”
นับตั้งแต่ประกาศเปิดตัวแบรนด์รอยัล เอนฟิลด์ ที่ประเทศไทยในปี 2559 ประเทศไทยนับเป็นตลาดที่สำคัญที่ร่วมสร้างความสำเร็จให้กับรอยัล เอนฟิลด์ทั่วภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กลุ่มลูกค้าผู้ขับขี่จำนวนมากกำลังให้ความสนใจในแนวคิด ประสบการณ์การขับขี่เพื่อการพักผ่อนหรือ Leisure Riding ของรอยัล เอนฟิลด์ ในวันนี้ รอยัล เอนฟิลด์เปิด
สโตร์ในประเทศไทยแล้วทั้งหมด 30 แห่ง เอ็กซ์คลูซีฟสโตร์ 15 แห่ง และศูนย์บริการที่ได้รับการรับรองอีก 15 แห่ง ขณะที่บริษัทได้เตรียมการที่จะขยายสโตร์แบรนด์รอยัล เอนฟิลด์เป็นทั้งหมด 36 แห่ง ทั่วประเทศ ภายในปี 2564
มร. วิมัลกล่าวเพิ่มเติมว่า “การเปิดตัวเมทธีออร์รุ่นใหม่ในครั้งนี้ ไม่เพียงเป็นการแนะนำรถมอเตอร์ไซค์รุ่นล่าสุดจากทางบริษัทฯ เท่านั้น แต่ยังเป็นสิ่งสำคัญในพันธกิจของเราที่จะสร้างแรงบันดาลใจในแนวคิด ‘การขับขี่ที่แท้จริง’ ในกลุ่มสาวกนักขับขี่ไม่ว่าจะใหม่หรือเก่า รถรุ่นใหม่นี้ถือเป็นข้อพิสูจน์ความสำเร็จของรอยัล เอนฟิลด์ ในตลาดรถมอเตอร์ไซค์ขนาดกลางเพื่อการพักผ่อน และได้ก้าวไปอีกขั้นในเรื่องของการพัฒนาสมรรถนะและคุณภาพ สืบเนื่องจากการเปิดตัวรถทวิน 650 เมื่อ 2 ปีที่แล้ว เรายินดีเป็นอย่างมากที่ได้เปิดเรื่องราวบทใหม่ของรอยัล เอนฟิลด์ ที่เริ่มหน้าแรกในปี 2544”
รอยัล เอนฟิลด์ เมทธีออร์ 350 มาพร้อมกับชุดอุปกรณ์ตกแต่งมอเตอร์ไซค์ของแท้ (Genuine Motorcycle Accessories) ที่ออกแบบและคิดค้นมาโดยเฉพาะ ซึ่งสามารถสั่งเพิ่มได้ในระหว่างการซื้อรถ ทั้งชุดประกอบด้วย อุปกรณ์ใช้งาน เช่น เบาะพักหลังของที่นั่งซ้อนท้าย แผ่นกันลมทัวริ่งสกรีน ที่เก็บสัมภาระ การ์ดป้องกันเครื่องยนต์ และอุปกรณ์ตกแต่งสไตล์คลาสสิก ท่อไอเสียที่มีให้เลือกทั้งแบบสแตนเลสและแบบเคลือบสีฝุ่น เบาะรองนั่งขับขี่แบบ
ทัวริ่งที่ออกแบบและผลิตอย่างสวยงาม ซึ่งทั้งหมดจะมาพร้อมประกัน 3 ปี นอกจากนี้ นักขับขี่ยังสามารถเลือกสรรอุปกรณ์และเครื่องแต่งกายอื่นๆ ที่สะท้อนสไตล์ในแบบของตัวเองด้วยชุดเกียร์ หมวกกันน็อกที่มีให้เลือกหลายสี
เสื้อยืด และของใช้ส่วนบุคคลที่ล้วนแต่ออกแบบมาเพื่อเมทธีออร์คันโปรด ตอบสนองไลฟ์สไตล์การขับขี่ท่องเที่ยวระยะไกล
รอยัล เอนฟิลด์ เมทธีออร์ 350 ได้รับการพัฒนาขึ้นมาใหม่ทั้งหมดเพื่อตอบสนองความต้องการของการขับขี่ทั้งในเมืองและนอกเมือง และสำหรับผู้ที่ต้องการหลีกหนีความวุ่นวายในเมืองก็สามารถขี่เมทธีออร์ 350 ออกเดินทางท่องเที่ยวระยะไกลได้ โดยผู้ที่สนใจสามารถทดลองขี่และจองได้แล้ววันนี้ที่ตัวแทนจำหน่ายรอยัล เอนฟิลด์ ทั่วประเทศไทย และพร้อมจำหน่ายในราคาเริ่มต้นที่ 150,000 บาท สำหรับรุ่นไฟร์บอลล์ 155,000 สำหรับรุ่นสเตลลาร์ และ 159,500 บาท สำหรับรุ่นซูเปอร์โนวา
#Missoutonnothing #RoyalEnfield #PureMotorcycling #RidePure