เป็นโรงงานผลิตรถจักรยานยนต์แห่งที่ 3 ของแบรนด์ในภูมิภาคอเมริกา และแห่งที่ 4 ในโลกที่อยู่นอกประเทศอินเดีย
โรงงานตั้งอยู่ที่เมืองมาเนาส์, รัฐอามาโซนัส ปัจจุบันเริ่มดำเนินการผลิตแล้ว
โรงงานจะมีส่วนช่วยส่งเสริมตลาดรถจักรยานยนต์ของแบรนด์ในประเทศบราซิลที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว
– รอยัล เอ็นฟีลด์ ผู้นำในตลาดรถจักรยานยนต์ขนาดกลาง (250cc ถึง 750cc) ระดับโลก ประกาศเปิดโรงงาน CKD (completely knocked down) ใหม่แห่งแรกในประเทศบราซิล ถือเป็นอีกก้าวที่สำคัญของแบรนด์ในแผนการรุกตลาดรถจักรยานยนต์ขนาดกลางของภูมิภาคลาตินอเมริกา โดยเฉพาะประเทศบราซิลที่ตลาดนั้นแข็งแกร่ง โรงงานแห่งนี้ตั้งอยู่ในเมืองมาเนาส์ เมืองหลวงของรัฐอามาโซนัส และเป็นโรงงาน CKD แห่งที่ 4 ในโลกของแบรนด์ หลังจากประเทศไทย โคลอมเบีย และอาร์เจนตินา
ด้วยเทคโนโลยี รวมถึงเครื่องจักรที่ทันสมัย โรงงานมีความสามารถในการผลิตรอยัล เอ็นฟีลด์ Classic 350, Continental GT, Interceptor, Himalayan และ Meteor 350 รวมกันให้ได้มากกว่า 15,000 คัน ต่อปี ทำให้ตอบสนองต่อความต้องการของผู้บริโภคในประเทศที่กำลังเพิ่มขึ้นเร็วได้ดีกว่าเดิม ซึ่งรวมไปถึงการจัดส่งรถจักรยานยนต์ให้ลูกค้าอย่างราบรื่นมากขึ้น
คุณบี โกวินดาราจาน, ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร, รอยัล เอ็นฟีลด์ กล่าวว่า “รอยัล เอ็นฟีลด์ทำงานอย่างมุ่งมั่นเพื่อขยายตลาดรถจักรยานยนต์ขนาดกลางทั่วโลกมาตลอด ปัจจุบันตลาดในภูมิภาคอเมริกา ยุโรป และเอเชีย แปซิฟิกกำลังค่อย ๆ เติบโตอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งสอดคล้องกับการทำตามแผนการรุก และขยายตลาดในภูมิภาคเหล่านี้ของเรา เราเริ่มต้นการเดินทางนี้เมื่อ 2-3 ปีที่แล้ว และได้สร้างโรงงานผลิตในประเทศไทย อาร์เจนตินา และโคลอมเบีย สำหรับเราแล้วประเทศบราซิลเป็นตลาดที่แข็งแกร่ง มีศักยภาพสูงที่จะเป็นตลาดที่ใหญ่สุดนอกประเทศอินเดียในไม่ช้า เพราะตั้งแต่ปีค.ศ. 2019 เป็นต้นมา เราเติบโตมากกว่า 100% เรารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เปิดตัวโรงงาน CKD ที่ประเทศบราซิล และทำให้ทุกคนเห็นชัดว่าเรามุ่งมั่นขยายตลาด รวมถึงส่งเสริมกลุ่มผู้ขี่รถจักรยานยนต์รอยัล เอ็นฟีลด์ในประเทศจริง”
หลังจากเริ่มเข้ามาทำตลาดที่ประเทศบราซิลเมื่อปีค.ศ. 2017 รอยัล เอ็นฟีลด์ก็ก้าวหน้า สร้างปรากฏการณ์ทั้งในประเทศ และภูมิภาคอเมริกามาตลอด จนปัจจุบันติดท็อป 5 แบรนด์รถจักรยานยนต์ขนาดกลางของหลายประเทศ เช่น บราซิล อาร์เจนตินา โคลอมเบีย และเม็กซิโก ด้วยฐานผู้บริโภคที่กำลังขยายตัวเร็ว และเครือข่ายการค้าปลีกที่สำคัญ โรงงานผลิตใหม่นี้จะมีช่วยส่งเสริมการเติบโตของแบรนด์ในภูมิภาคลาตินอเมริกาอย่างมาก